บทละครโทรทัศน์ พิษสวาท ตอนที่ 1
กรุงศรีอยุธยาฯ ปีพุทธศักราช ๒๓๐๓
“ภายหลังจากที่สมเด็จพระนเรศวรประกาศอิสรภาพมิได้ขึ้นตรงต่อแผ่นดินหงสากรุงศรีอยุธยาก็เป็นเอกราช เป็นราชธานีแห่งแผ่นดินสยามที่สมบูรณ์มั่งคั่งสืบต่อมานานนับร้อยปี จนล่วงเข้าสู่ปลายพุทธศักราช ๒๓๐๒ พระเจ้าอลองพญา แห่งกรุงอังวะกรีฑาทัพหมายจะยึดกรุงศรีอยุธยา แผ่นดินที่ร้างศึกมานานจนผู้คนหลงลืมยุทธวิถีการรบ ทำให้ตกเป็นรองแก่ข้าศึก ทัพใหญ่อังวะเข้าประชิดกำแพงเมืองโดยไม่ทันตั้งตัว!! พ่ออยู่หัวในพระที่นั่งสุริยาศอัมรินทร์ ผู้เป็นมหากษัตริย์ในเวลานั้น ทรงรับสั่งให้จัดพิธีบวงสรวงใหญ่ เพื่อขอพรจากเทพเทวดาผู้ปกปักรักษาพระนคร ให้แผ่นดินรอดพ้นจากการรุกราน พระโหราจารย์เป็นผู้ทำพิธี ให้เหล่านางรำหลวงจัดชุดรำถวายทวยเทพ... ทุกคนพร้อมใจกล่าวสัตย์สาบานต่อบรรพบุรุษ ว่าจักทำหน้าที่ของตน เพื่อปกปักษ์รักษาแผ่นดินเกิดนี้ ด้วยชีวิต!!”
ที่ลานบวงสรวงหน้าวัง ทหารเริ่มลั่นกลองศึกรัว กระทงที่จัดอาหารบวงสรวงวางเรียงรายอย่างสวยงามเต็มโต๊ะบวงสรวง อีกด้านหนึ่งโต๊ะเตรียมอาวุธ อาวุธสำหรับออกรบวางเรียงราย มือของชายฉกรรจ์หลายคนเข้ามาหยิบ ทหารยังตีกลองศึกดังต่อเนื่อง
ศิราภรณ์ที่มีทับทิมเม็ดใหญ่ประดับอยู่ตรงกลางถูกสวมลงบนศีรษะนางรำคนหนึ่ง ขณะที่ชุดเกราะนักรบถูกสวมเข้ากับร่างกายของชายฉกรรจ์ผู้หนึ่ง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับออกรบ ทหารตีกลองศึกเร้าจังหวะขึ้น
อุบล ผู้เป็นนางรำ กำธูป ๑๖ ดอกอธิษฐานแล้วจรดมือกับศีรษะที่สวมศิราภรณ์ ขณะที่ขุนอรรค ผู้เป็นนักรบกำดาบชูขึ้นอย่างต้องการปลุกขวัญทหารในกอง ขุนอรรคนั่งอยู่บนหลังม้าหน้ากองทหารที่เตรียมพร้อมรบ ใบหน้าเขามีหนวดเยี่ยงนักรบสมัยอยุธยา โดยมีจัน และนายทหารคนสนิทอีก ๒ คน นั่งบนหลังม้าข้างๆขุนอรรค
ขุนอรรคนำกองกำลังบุกตะลุยสู้กับทหารอังวะที่ยืนประจำค่ายตรงหน้า ขณะที่อุบลกับเหล่านางรำกำลังรำถวายเทพอย่างสวยงาม ทหารอังวะที่อยู่กำแพงค่ายยิงปืนใหญ่เข้ามาในพระนคร เหล่านางรำได้ยินเสียงปืนใหญ่แล้วเริ่มตระหนก มีเพียงอุบลที่ยังไม่เสียสมาธิ
ในสนามรบ จันมองไปที่กำแพงค่าย แล้วหันมาเตือนขุนอรรค “หาที่กำบังก่อนเถอะขอรับ พวกมันระดมยิงเข้ามาหนักเหลือเกิน”
ขุนอรรคฆ่าทหารอังวะตายแล้วหันไปมองที่กำแพงค่ายทหารอังวะที่ห่างออกไป ทันใดนั้นกระสุนปืนใหญ่ลูกหนึ่งพุ่งข้ามแม่น้ำเข้าไปตัดยอดปราสาทพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์พังลง ขุนอรรคและเหล่าทหารตกใจ