บทละครโทรทัศน์ ทายาทอสูร ตอนที่ 11 หน้า 14

“หนูเนตร!”
“ทำไม รู้ไหมว่าฉันอายแค่ไหน ที่มีคนที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องเสนอหน้า ไปขอข้าวของคุณยายแบบนั้น”
วรรณาทนไม่ไหว ด่ากลับ “ใช่สิ คำก็คุณยาย สองคำก็คุณยาย นี่ไปประจบยัยแก่ หวังเอาตัวรอดคนเดียวใช่ไหม คิดจะทิ้งพ่อแกไว้ให้ชั้นเลี้ยงรึไง!!”
นัยน์เนตรโมโห ลุก กอดกระเป๋า จ้องเขม็ง “ดูปากฉันให้ดีดีนะ” นัยน์เนตรชี้ปาก “ทองแท่งทั้งหมดในกระเป๋านี่เป็นของฉัน ฉันจะเอาไปขายใช้หนี้ให้พ่อ เหลือบอย่างแกกับลูกไม่มีทางได้อะไร บาทเดียวชั้นก็ไม่ให้!”
“มันจะมากไปแล้วนะ นังนัยน์เนตร!!“
วรรณากระชากไหล่นัยน์เนตรจะตบ แต่นัยน์เนตรหลบได้ เหวี่ยงกระเป๋ากระแทกวรรณาอย่างแรง วรรณาเซลงไปนั่งที่พื้น
“ฉันเห็นว่าเธอเป็นเมียพ่อ แต่ขืนมาแตะต้องฉันอีก ฉันไม่ไว้หน้าแน่”
ทันใดเสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น คั่นจังหวะ นัยน์เนตรไม่สนเดินขึ้นบันได วรรณาจำต้องไปรับอย่างหงุดหงิดสุดๆ
“ฮัลโหล! มีอะไรก็พูดมา ห๊ะ!! อะไรนะ! คุณมาณพล้มหัวฟาด”
นัยน์เนตรได้ฟังก็ชะงักตกใจ
เขาพนมเพลิงตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้า หนานจรวยใช้ไม้ไผ่ลำยาวช่วยพยุงกาย เดินนำหน้าสนทรรศน์ขึ้นเขา เดชจะประจบเอาใจอาจารย์ช่วยประคองแต่กลับถูกไล่
ที่ปากถ้ำ หนานจรวย เดช และสนทรรศน์ เข้ามาภายใน ตรงมายังพระพุทธรูปหินที่อยู่สุดถ้ำ
เดชบ่น “โธ่อาจารย์ ถ้าจะไหว้พระ ไม่เห็นต้องขึ้นมาถึงยอดเขาพนมเพลิงเลย”
“เอ็งหุบปากไปเลย พระพุทธรูปองค์นี้ว่ากันว่าสร้างขึ้นมาพร้อม ๆกับเมืองเชลียง ไม่ได้แค่ให้คนมาสักการะบูชา แต่ได้ซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ด้วย”
“ซ่อนอะไรท่านอาจารย์ สมบัติเหรอ”
หนานจรวยจ้องเดช ตาดุ เดชรีบหุบปาก “ซ่อนสิ่งที่เจ้าอยากรู้ยังไง เจ้าทรรศน์” หนานจรวยบริกรรมคาถา แล้ววาดไม้ไผ่ออกไป พระพุทธรูปหินจางหาย เผยให้เห็นอุโมงค์ตรงหน้า สนทรรศน์กับเดชต่างตะลึง หนานจรวยเป่ามนต์ไปที่ด้ามไม้ไผ่ เกิดเปลวไฟลุกขึ้นดั่งคบเพลิง หนานจรวยเดินนำทุกคนเข้าไปในอุโมงค์ จนลับหายไปในความมืดมิด
ที่กักขังดวงจิตวรนาฎ ในความมืดมิด อสูรเจ้าโขนเดินปรากฎกายเข้ามา “จงตื่น เอ็งจงตื่นขึ้นมาวรนาฏ”
ร่างของวรนาฏในวัยชราเคลื่อนออกจากความมืดมิดมาหยุดตรงหน้าอสูร วรนาฏชราลืมตาขึ้น “แกปลุกฉันทำไม ต้องการอะไรอีก หรือว่าถึงเวลาที่ฉันต้องตายแล้วใช่มั้ย”
“ใช่ ถึงเวลาตายของเอ็งแล้ว คืนนี้ข้าจะทำพิธีสืบทายาท ทุกอย่างจะได้จบสิ้น แต่ข้ารับปากว่าเอ็งจะไม่เดียวดาย อีกไม่นานข้าจะส่งหลานของเอ็ง ไปอยู่เป็นเพื่อน”
“แกอย่าทำอะไรอุ้ยนะ” วรนาฎนึกได้ “แกต้องใช้ร่างของอุ้ยสืบต่อไป แกไม่ฆ่าเค้าหรอก”
“ข้าไม่จำเป็นต้องทำเยี่ยงนั้นอีกต่อไปแล้ว ศัตรูของข้ามันเวียนมาเกิดในชาติภพนี้ให้ข้าได้ส่งพวกมันทั้งหมดลงอเวจี ให้มอดไหม้ไม่มีวันได้ผุดได้เกิด ชั่วนิรันดร์”