บทละครโทรทัศน์ ทายาทอสูร ตอนที่ 11 หน้า 15

“อย่านะ อย่าทำอุ้ย ฉันขอร้อง”
“ใครมันจะฝืนชะตาได้ ขนาดได้สร้อยพระขรรค์เงินมาช่วยชีวิตยังมีนังนัยน์เนตรตามเป็นมาร ช่วยกำจัดสร้อยให้ข้าอีก นังอุ้ยมันชะตาขาดแล้ว ฮ่าๆๆ “
“ทำไม.. ทำไมแกต้องตามจองเวรพวกฉันด้วย พวกฉันไปทำอะไรให้แกเจ็บแค้น”
“แค้นรึ คำว่าแค้นมันยังน้อยเกินไป”
ที่ผนังอุโมงค์แสงจากเปลวไฟทาบเข้ามา เห็นภาพจารึกโบราณของธิดาทั้งสามของพระยาเชลียง เจ้าโขนเมามาย เกี้ยวพาราสีคำหยาด
หนานจรวยอธิบาย “ภาพจารึกเหล่านี้ บอกเล่าความจริงของเมืองเชลียงที่ยังไม่มีใครเคยรู้มาก่อน”
เดชย้อน “อาจารย์ท่านรู้ได้ยังไง ใครอาจจะอุตริมาขีดเขียนเล่นก็ได้”
“ไอ้เดช ถ้าเอ็งไม่หยุดปากพล่อย ข้าจะตัดลิ้นเอ็งทิ้งซะ” เดชรีบถอยห่าง หนานจรวยเล่า “คนที่จารึกภาพทั้งหมดนี้คือ มหาเถรคุรุเทพ แห่งเขาพนมเพลิง แห่งนี้”
“มหาเถร..ผมเคยฝันเห็นพระรูปหนึ่ง เอาพระขรรค์มาให้”
“ไม่ผิดแน่ ข้าก็เคยพบท่านในนิมิต ท่านคือมหาเถร ผู้ปลุกเสกพระขรรค์เงินโบราณแห่งเมืองเชลียง”
“แล้วภาพพวกนี้มันหมายความว่ายังไงครับ”
ภาพจารึกที่เล่าเหตุการณ์สำคัญ จะเห็นพระยาเชลียง/ คำหยาด/ คำหล้า/ คำแก้ว/ พราหมณ์ปุโรหิต/ และขุนพลศรีอิน เริ่มตั้งแต่ พระยาเชลียงยืนคุมสร้างพิหารอยู่ มีธิดาคุกเข่าอยู่ข้างๆ สามคน เจ้าโขนหมอบเฝ้า เจ้าโขนเผามกร กอดกับคำหยาด จนมาหยุดที่เจ้าโขนถูกทำโทษ โยนเข้าเตาทุเรียง พิหารถล่ม
“มหาเถรท่านได้จารึกความวิบัติของเมืองเชลียง ไว้เตือนสติคนรุ่นหลัง ทุกความสูญเสีย ล้วนมีจุดกำเนิดมาจากใจคนทั้งสิ้น ใจที่อ่อนแอปล่อยให้กิเลสเข้าครอบงำ”
อสูรเจ้าโขนเล่าให้วรนาฎฟัง ด้วยน้ำเสียงเจ็บแค้น “..ใจที่ต่ำช้า อำมหิต พวกมันถึงกับรวมหัวกันฆ่าข้าอย่างเลือดเย็น” ภาพเจ้าโขนหนุ่มรูปงามที่ถูกทำโทษบนผนังอุโมงค์ กลายเป็นอสูรเจ้าโขน “ข้าไม่มีวันลืม จะกี่ภพกี่ชาติ จะกี่ร้อยกี่พันปี ข้ายังจดจำใบหน้าของพวกมันได้ทุกคน”
“งั้นแกก็ฆ่าฉันซะเดี๋ยวนี้เถอะ ฉันไม่อยากทุกข์ทรมานอีกต่อไปแล้ว”
อสูรเจ้าโขนจ้องวรนาฏเขม็ง “หึหึหึ มันยังไม่ได้ถึงเศษเสี้ยวที่เอ็งทำกับข้าหรอก ธิดาคำหยาด”
วรนาฏอึ้ง
วังพระยาเชลียงในอดีต วรนาฏเป็นธิดาคำหยาดที่กำลังร่ายรำ พระยาเชลียงนั่งดูการแสดง ทูตอโยธยานั่งอยู่ถัดไป ข้าราชบริพารอยู่ประจำตำแหน่ง ปุโรหิตนั่งเฝ้าอยู่ข้างพระยาเชลียง ถัดไปเป็นขุนพลศรีอินทร์ คำหยาดเหลือบมองเห็นขุนพลศรีอินทร์กำลังมองอยู่ก่อน แล้วสองคนแอบสบตากัน
พระยาโกษาชื่นชม “เป็นบุญตาของข้ายิ่งนัก ที่ได้ชมการร่ายรำที่งดงามของแม่นางคำหยาดธิดาคนโตของท่าน”
พระยาเชลียงสีหน้าพอใจ “ท่านพระยาโกษากล่าวชมเกินไป เมืองเชลียงเป็นแค่เมืองเล็กๆการร่ายรำที่เห็นก็แค่การรำพื้นๆไฉนเลยจะสู้ชาวอโยธยาได้เล่า”
พระยาโกษาหัวเราะพอใจ พระยาเชลียงหัวเราะด้วยอย่างอารมณ์ดี
คำหล้ากับคำแก้ว ถือพานมาลัยดอกไม้สด สวยงาม เดินตามเข้ามาคุกเข่ายื่นให้พระยาโกษา
“ธิดาคนรองของข้า คำหล้า กับคำแก้ว”