บทละครโทรทัศน์ บ่วงบรรจถรณ์ ตอน 4 หน้า 4
“ผมยอมรับว่าเขตต์ผิด แต่ขอโอกาสให้เขตต์ได้แก้ตัวอีกสักครั้งได้มั้ยครับ” ภาคขอร้อง “เพื่อรักษาความรักและชีวิตคู่ของเค้าทั้งสองคน” สีหน้าและสายตาอ้อนวอนขอร้องของภาค ทำให้ปราณีเริ่มใจอ่อน
ริมหนองตุง แพรนวลเดินอยู่ริมบึงน้ำใหญ่กลางใจเมือง มองหอคำที่ตั้งอยู่บนเนินอีกด้านหนึ่งของฝั่งน้ำท่ามกลางธรรมชาติที่สงบและงดงาม หลาวเปิงเดินตามแพรนวลเรื่อยไปตามถนนสายเล็ก ๆ ริมน้ำ เฝ้ามองแพรนวลเงียบ ๆ อย่างสุขใจ จนแพรนวลหันมาเห็นสายตาของหลาวเปิง ทำให้รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงอย่างแปลกประหลาด จึงหาเรื่องคุยกับหลาวเปิงเพื่อกลบเกลื่อนความเขิน
“บรรยากาศริมหนองตุงเย็นสบาย และวิวสวยมากเลยนะคะ”
“ตำนานเมืองเวียงขินเล่าว่า ตุงคฤๅษี ได้ระบายน้ำออกจากสระใหญ่และอธิษฐานขอให้ที่นี่กลายเป็นบ้านเมือง เมื่อน้ำไหลไปหมด เหลือเป็นหนองอยู่ตรงกลาง จึงให้ชื่อว่า “หนองตุง” และเรียกชื่อเมืองตามชื่อฤๅษีว่า “เวียงขิน””
อูซอกับอองเฮียนปลอมตัวเป็นชาวไทเขินปะปนมากับชาวบ้าน เพื่อเข้ามาดูลาดเลาในเมืองเวียงขิน
“ท่านอูซอน่าจะพกปืนมาป้องกันตัวด้วยนะครับ”
“ถ้าทหารเวียงขินค้นเจออาวุธปืน พวกมันต้องรู้ว่าเราไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา”
อูซอหันไปเห็นหลาวเปิง ชะงัก รีบผลักอองเฮียนเข้าไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้ทึบบริเวณนั้น
แพรนวลยอมรับกับหลาวเปิงตามตรง “ฉันรู้แค่เวียงขินเป็นดินแดนที่อยู่ในการปกครองของปะเด็ง”
“พ่อบุญสิงห์ไม่เคยเล่าประวัติเมืองเวียงขินให้แม่หญิงฟังบ้างหรือครับ”
แพรนวลส่ายหน้าแทนคำตอบ เพราะไม่กล้าบอกหลาวเปิงว่าไม่รู้จักครูบุญสิงห์เลยแม้แต่น้อย
“หลังเจ้าฟ้าเฒ่าสิ้นพระชนม์.. เจ้าเมืองบุญได้เป็นเจ้าเมืองแค่ปีเดียวก็ถูกลอบปลงพระชนม์ เจ้าจายหลวงราชบุตรเจ้าเมืองบุญยังทรงพระเยาว์ อังกฤษจึงส่งกัปตันโรแบร์ตมาเป็นผู้สำเร็จราชการแทน เมื่อญี่ปุ่นให้กองทัพไทยมาดูแลเวียงขิน รัฐบาลไทยจึงทูลเชิญเจ้าแสงฉายขึ้นเป็นเจ้าเมืองเวียงขิน”
อูซอกับอองเฮียนแอบมองหลาวเปิงอยู่ข้างเพิงร้านค้า เห็นเพียงทางด้านหลังของแพรนวล อูซอพยายามเพ่งมองแต่ก็เห็นใบหน้าไม่ชัด
“แม่หญิงที่อยู่กับไอ้หลาวเปิงแต่งตัวไม่เหมือนสามัญชน หรือจะเป็นเจ้านางตองริ้ว ?”
อูซอจะพุ่งออกไปชิงตัวแพรนวลเพราะคิดว่าเป็นเจ้านางตองริ้ว แต่ถูกอองเฮียนรั้งไว้เมื่อเห็นทหารเวียงขินสองนายเดินผ่านมา
ใบหน้าคมคายของหลาวเปิงเริ่มฉายแววเจ็บแค้น “เมืองเวียงขินถูกรุกรานจากประเทศล่าอาณานิคม จนบ้านเมืองถูกเผาทำลายไปไม่น้อย สิ่งที่ชาวเวียงขินโหยหามากที่สุดคืออิสรภาพ”