บทละครโทรทัศน์ บ่วงบรรจถรณ์ ตอน 9 หน้า 4
“พ่อกับแม่ของฉันแยกทางกันตั้งแต่ฉันอายุ 4 ขวบ”
ปราณีปิดฝากระโปรงท้ายรถแล้วดึงตัวแพรนวลไปนั่งที่เบาะด้านหลัง ส่วนปราณีขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ
แพรนวลหันกลับมามองนายต่วนผ่านกระจกด้านหลังรถ
“ฉันย้ายมาอยู่กรุงเทพฯกับแม่ ทำให้ขาดการติดต่อกับพ่อนับตั้งแต่วันนั้น”
แพรนวลยังคงเห็นนายต่วนยืนนิ่งมองมาจากระเบียงบ้านโดยไม่พูดอะไร จนรถค่อย ๆ แล่นออกจากบ้าน ภาพของนายต่วนห่างไกลจากแพรนวลเรื่อย ๆ จวบจนลับสายตา
นายต่วนฟังเรื่องราวจากแพรนวลด้วยความเห็นใจ
“จนพ่อเสียชีวิต.. ฉันถึงได้รู้ว่าท่านทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินและบ้านที่เชียงรายให้ฉัน”
“พ่อรักคุณแพรนวลมาก เพียงแต่ท่านไม่มีโอกาสได้บอกคุณ”
“คุณต่วนรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เหรอคะ”
แพรนวลพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ตื่นเต้นจนออกนอกหน้ามากเกินไป นายต่วนยิ้มยืนยัน เป็นรอยยิ้มที่ทำให้แพรนวลรู้สึกอบอุ่นมาก ทำให้หัวใจที่เคยแห้งแล้งเพราะโหยหาไออุ่นจากผู้เป็นพ่อกลับชุ่มฉ่ำจนเปล่งประกายความสุขออกมาทางสีหน้าและแววตา
หลาวเปิงกำลังเดินมองหาแพรนวล ชะงัก เมื่อเห็นแพรนวลยืนคุยอยู่กับนายต่วนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“นายต่วนหลงเสน่ห์แพรนวลเข้าแล้ว” เจ้านางเรืองระยับเข้ามา ยิ้มเยาะหลาวเปิง
“เห็นมารยาของผู้หญิงคนนี้รึยังคะ ?”
หลาวเปิงเดินหนีไปอย่างอารมณ์เสีย เจ้านางเรืองระยับยิ้มร้าย ชอบใจ
แพรนวลนึกถึงเรื่องที่ค้างคาใจขึ้นมาได้จึงถามนายต่วน
“หลาวเปิงบอกว่าคุณต่วนมีคู่หมั้นชื่อคุณกิ่งแก้ว”
“ใช่ครับ กิ่งแก้วเป็นคนกรุงเทพฯ หลังจากผมปลูกบ้านที่เชียงรายเสร็จแล้ว เราจะแต่งงานกัน”
แพรนวลสองจิตสองใจอยากจะเตือนนายต่วน เผื่อจะยับยั้งการเสียชีวิตของกิ่งแก้วได้
เสียงพระธุดงค์เตือนแพรนวล วาบเข้ามาแทรกความคิด
“กฎของธรรมชาติคือทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลง อดีตเกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว ไม่มีอะไรแก้ไขได้”
นายต่วนสังเกตเห็นแพรนวลเงียบไป แปลกใจ “คิดอะไรอยู่เหรอครับ”
แพรนวลรู้สึกตัว เสเปลี่ยนเรื่อง “จะได้เวลาน้ำชาแล้ว เราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ”
นายต่วนพยักหน้าแล้วเดินตามแพรนวลเข้าไปในหอคำ แพรนวลแอบกังวลใจเรื่องกิ่งแก้ว