บทละครโทรทัศน์ หัวใจปฐพี ตอนที่ 1 หน้า 5
อีกด้านหนึ่งมีรถกระบะคันหนึ่งขับเข้ามาจอด หน้าต่างรถค่อยๆ เปิดลงมา เผยให้เห็นเรน ท่าทางเคร่งขรึม ทะมัดทะแมง ลอบมองไปที่พสุ “คนนี้น่ะเหรอะ ที่ทำงานเราพัง”
ตุลย์ลูกน้องคนสนิทของเรนที่นั่งฝั่งคนขับ พยักหน้ารับนิ่งๆ “มันชื่อพสุ เป็นหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจของอธิบดี นายใหญ่สั่งให้จับตาดูไว้ให้ดี”
เรนจ้องพสุอย่างพิจารณา เห็นพสุท่าทางมุ่งมั่น ดูเอาการเอางาน
ตุลย์ถาม “แล้วคนที่ทำข่าวรั่วจะให้จัดการเลยมั้ยครับ”
เรนพยักหน้ารับแต่ก็ยังจับตามองไปที่พสุอย่างไม่วางตา สีหน้านิ่งขรึมอย่างใช้ความคิด
พสุรู้สึกเหมือนมีคนมองมา แต่พอหันไปมองทางเรน รถของเรนก็หายไปแล้ว พสุมีสีหน้าติดใจสงสัยอยู่เหมือนกัน
ลูกน้องถูกมัดตัว คุกเข่าร้องขอชีวิตกับเรน โดยมีตุลย์ยืนอยู่ข้างๆ “ไว้ชีวิตผมด้วย ผมยังไม่อยากตาย ผมมีลูกมีเมียต้องดูแล อย่าทำอะไรผมเลย... “
เรนยกปืนขึ้นเล็งไปที่ลูกน้อง เหนี่ยวไกทำท่าจะยิง ลูกน้องหลับตากลัวสุดชีวิตคิดในใจว่า ครั้งนี้คงไม่รอดแน่ เสียงปืนดังปัง เรนยิงเฉียดหูลูกน้องไปแค่นิดเดียว เห็นเลือดซิบๆที่ใบหู
“หนีไปกบดานที่ชายแดนซะ อย่าให้ฉันเห็นหน้าอีก”
“คุณเรน” ตุลย์เรียกชื่อด้วยความไม่พอใจ
“ฉันตัดสินใจแล้ว”
ลูกน้องรีบลุกลี้ลุกลนลุกหนีไปทางประตูทางออก ตุลย์รีบหันมาแย้ง “แต่ถ้าปล่อยไป นายใหญ่จะว่าเอาได้ กฎก็คือกฎ ต้องเก็บทุกคนที่พลาด”
“แล้วถ้าฉันพลาด นายจะเก็บฉันด้วยรึเปล่า“ ตุลย์เงียบตอบไม่ได้ เรนพูดต่อ “ฉันจะคุยกับนายใหญ่เอง”
แต่พอขาดคำเรนเสียงปืนก็ลั่นเปรี้ยง ตุลย์ไม่ฟังยิงใส่ลูกน้องที่กำลังจะหนีออกจากประตูตายคาที่ เรนหันไปมองลูกน้องที่ตนไว้ชีวิตเมื่อครู่
ตุลย์เก็บปืนพูดหน้านิ่ง “อย่าให้เราต้องเสียงานใหญ่ เพราะความใจอ่อนของคุณเรน หน้าที่ของเราคือกำจัดทุกคนที่คิดจะเป็นศัตรูกับนายใหญ่“ ตุลย์พูดจบก็เดินนำออกไป ทิ้งให้เรนช็อค ตกใจปนโมโห
หลายวันต่อมาที่หน้างานมูลนิธิเดวิด บรรยากาศร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ ในสวนถูกตกแต่งเป็นงานเลี้ยงฉลอง มองเห็นป้ายงาน ‘10 ปีมูลนิธิเดวิด บ้านสีเขียวของเรา’ ผู้มาร่วมงาน มีทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ ที่เป็นนักอนุรักษ์ รวมไปถึงนักข่าว
ที่เวทีขนาดเล็ก....เดวิด เชอร์ล็อคอยู่ในชุดสูทสีขาว ท่าทางใจดี โอบอ้อมอารี กำลังพูดเปิดงานสีหน้ายิ้มแย้ม เป็นมิตร “ถึงผมไม่ใช่คนไทย แต่ผมก็รักผืนแผ่นดินไทย ผมจึงได้ตั้งมูลนิธินี้เพื่อตอบแทนประเทศที่มีพระคุณกับผม เป็นเวลานับสิบปี ที่มูลนิธิของเราทำโครงการเพื่อปกป้องผืนป่า ถึงแม้จะมีอุปสรรคมากมาย แต่ผมก็จะทำมูลนิธินี้ต่อไป จนกว่าประเทศไทย ที่เปรียบเสมือนบ้านของผมจะกลับมาเขียวชอุ่มเหมือนเดิม”