บทละครโทรทัศน์ นายฮ้อยทมิฬ ตอน 4 หน้า 2
นายฮ้อยเคนตัดพ้อตัวเอง แล้วมองสร้อยในมือ ระหว่างนั้นผู้ช่วยถึกรีบเข้ามาอย่างมีเรื่อง
“นายฮ้อย..นายฮ้อย...แย่แล้ว”
“มีหยังผู้ซ่อย ?”
“ข้อยได้ยินซาวบ้านเพิ่นว่าเจอศพตำรวจถืกยิงตาย ข้อยเลยสงสัยว่าสิเป็นตำรวจที่มารับ ตัวบักเสือคำลือไป น่ะแหมนายฮ้อย” นายฮ้อยเคนชะงักอึ้งไป
ถนนลูกรัง นายฮ้อยเคนเข้ามาพร้อมกับผู้ช่วยถึกและอาจารย์เม้า เจอชาวบ้านที่กำลังมุงดูศพตำรวจ 2 คนตรง ข้างทาง นายฮ้อยเคนรีบแหวกกลุ่มชาวบ้านเข้าไปดูแล้วก็ต้องอึ้งไปเมื่อพบว่าตำรวจ 2 คนนั้นใช่ตำรวจที่มา รับตัวคำแสนไปจริงๆ
“แม่นตำรวจที่คุมโตเสือคำแสนไปขังบ่นายฮ้อย”
“แม่นแล้ว ฝีมือบักคำแสนแน่นอน” นายฮ้อยเริ่เคนมใจคอไม่ดีหันไปถามผู้ช่วยถึก “ผู้ซ่อยโทนคืนเมือ จากสว่างแดนดินแล้วยัง”
“ยังเลยนายฮ้อย พวกข้อยยังสงสัยอยู่ว่าป่านนี้แล้วเป็นหยังคือยังมาบ่ถึงอีก”
“ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่แล้วล่ะนายฮ้อย”
นายฮ้อยเคนเริ่มหน้าเสียใจคอไม่ดี อาจารย์เม้าเห็นอาการนายฮ้อยเคนแล้วก็เข้าใจ จึงตบบ่าให้คำปรึกษา
“เซื่อในสัญชาติญาณของเจ้าเถาะนายฮ้อย บ่ต้องห่วงทัพควาย” นายฮ้อยเคนมองหน้าอาจารย์เม้าแล้วตัดสินใจ
นายฮ้อยเคนควบม้ามุ่งหน้ากลับสว่างแดนดินอย่างรวดเร็วจนฝุ่นตลบ ด้วยใบหน้าอันเคร่งเครียดเป็น ห่วงเมียรัก อย่างที่สุด ขณะที่ท้องฟ้าเริ่มมีเมฆฝนสีดำทะมึนเข้าปกคลุมอย่างน่ากลัว นายฮ้อยเคนควบม้าไปหันไปมองกลุ่ม เมฆฝนข้างหลัง กลัวว่าฝนที่กำลังจะตกหนักไล่หลัง จะทำให้การเดินทางช้าลง จึง รีบเฆี่ยนม้าควบไปให้เร็วขึ้น แข่งกับกลุ่มเมฆดำที่ไล่หลังติดๆ
บ้านนายฮ้อยเคน คำแพงนอนอาการหนักหายใจรวยรินอยู่ในบ้าน คำแก้วคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง ขณะที่ยายเฒ่า กับเฒ่าแต้มมา ช่วยดูอาการแล้วพากันหนักใจ คำแก้วเห็นสีหน้าของทั้งคู่ก็ยิ่งใจหาย
“ยายเฒ่า..ยายเฒ่า หยุดซ่อยเอื้อยเฮ็ดหยัง ซ่อยเอื้อยข้อยให้ได้เถาะ..ข้อยขอร้อง”
“คำแก้ว..เอื้อยเจ้าอาการหนักเกินกว่าที่ข้อยสิซ่อยได้ ข้อยว่า..ฟ้าวพาไปอำเภอดีกว่า”
“บ่ได้ดอกยายเฒ่า เสียเลือดหลายขนาดนี้ แค่พาลงจากเฮือนอย่างเดียวกะบ่รอดแล้ว ต้องตามหมอมาอย่างเดียว”
“ยายเฒ่า แต่กว่าหมอจะมาฮอด..ข้อยย่านว่า”
คำแพงเรียกเบา “คำ…คำแก้ว….คำแก้ว”
“เอื้อยคำแพง!!!”
คำแพงครางเสียงเบา คำแก้วน้ำตาไหลอาบแก้มกุมมือพี่สาวอย่างเป็นห่วง “ลูกเอื้อย ..เป็นจังได๋แหน่”
คำแก้วจุกอกพูดไม่ออก “เอื้อย..ตอนนี้เอื้อยต้องห่วงตัวเจ้าก่อน ข้อยสิฟ้าวตามหมอมาซ่อย”
“ลูกเอื้อยเป็นหยัง..บอกเอื้อยมาคำแก้ว”