บทละครโทรทัศน์ นายฮ้อยทมิฬ ตอน 25 หน้า 20
“เซา !!! คำแก้ว !!!” แต่คำแก้วไม่ทันได้ยินลั่นไกหน้าไม้ให้ลูกดอกพุ่งไปแทงเข้ากลางหลังเสือปรายทันที...ฉึก เสือปรายร้องเจ็บลั่น ล้มลงในอ้อมกอดของพ่อพอดี เสือเปล่งตกใจชักปืนออกมายิงใส่พวกทัพควาย…ปังๆๆๆๆ
เสียงปืนดังขึ้นทำให้พวกทัพควายตกใจหาที่หลบจ้าละหวั่น พวกนักเลงที่เหลืออยู่พากันยิงใส่เพื่อหนีเอาตัวรอด
สถานการณ์ชุลมุนวุ่นวาย เสือเปล่งอาศัยช่วงวุ่นๆ ประคองลูกชายไปหลบหลังเกวียน ซึ่งมีไหที่บรรจุดินระเบิด ต่อสายชนวนเอาไว้หลายไห เสือเปล่งรีบจุดไม้ขีดต่อไฟแล้วรีบประครองพาลูกชายที่บาดเจ็บหนักหนี นายฮ้อยเคนจะไล่ตามไป แต่ไฟที่สายชนวนไล่ลามไปจนถึงไหระเบิด นายฮ้อยเคนหันไปเห็นเข้าพอดีเลยหน้าอึ้ง
“ทุกคน..หลบไป !!!!”
บึ้ม !!!!!! ระเบิดเป็นลูกไฟใหญ่ เสียงดังสนั่น นายฮ้อยเคนกระเด็นตามแรงระเบิด คำแก้วเห็นคาตาก็ตกใจ
“อ้ายเคน !!!!!”
โรงสีข้าว พวกโทนยังถูกมัดเอาไว้แน่นหนา โดยมีลูกน้องนักเลงของเสือเปล่งเฝ้าอยู่ 2 คน โทนกับสีโหไม่ยอม แพ้ต่อการถูกจับกุม พยายามหาทางแก้มัดตัวเอง แต่พวกลูกน้องก็เข้ามาเห็นและไม่พอใจ
“ลูกพี่กูสั่งสอนไปแล้ว ยังเจ็บโตกันบ่พออีกเบาะ..จังซั่นกูซอยซ้ำ” ลูกน้องเข้าไปเตะอัดใส่สีโหกับโทนอย่างสาแก่ใจ จนทั้งคู่สะบักสะบอม พวกสุบินจันทา มืด จ่อยได้แต่กลัว ระหว่างนั้นเสือเปล่งประคองพาร่างลูกชายที่บาดเจ็บสาหัสเข้ามา พวกลูกน้องพากันตกใจ “เกิดอีหยังล่ะพ่อใหญ่..เสือปรายไปถืกอีหยังมา ?”
“บ่ต้องถาม..บ่แม่นธุระของซุมมึง เฝ้าบักห่าซุมนี่ไว้ให้ดี ไผขัดขืนฆ่าได้เลย..กูอนุญาต !!”
เสือเปล่งสั่ง แล้วรีบพาลูกชายเข้าไปด้านในโรงสี พวกลูกน้องมองหน้ากันงงๆ ส่วนพวกโทนเริ่มสนใจว่าเกิดอะไรขึ้น และเห็นว่านี่อาจจะเป็นโอกาสดีที่จะคิดหนีเอาตัวรอด
อีกด้านของโรงสีที่บัวเขียวกับแสงโสมถูกมัดเอาไว้ แสงโสมกำลังใช้มีดที่แอบแย่งมา จากเสือปรายพยายามเฉือนเชือกที่มัดมือ โดยบัวเขียวเองก็ลุ้นให้แสงโสมตัดเชือกให้ขาด “โธ่เว้ย..ขาดซะที !!!”
เชือกไม่ทันจะขาด ระหว่างนั้นเสือเปล่งก็ประคองพาลูกชายเข้ามานอนพัก แต่เสือปรายอาการหนักร้องเจ็บ ปวดตลอดเวลา แสงโสมกับบัวเขียวเลยต้องหยุดทำเป็นว่าไม่เกิดอะไรขึ้น และมองพวกนั้นตลอดเวลา
“พ่อ..ซอย..ซอยข้อยแน…ข้อยเจ็บหลาย…โอ้ยยยยย”
“อดทนไว้..กูบ่ป๋าให้มึงตายดอก”
เสือเปล่งฉีกเสื้อลูกชายออก แล้วพลิกหลังเห็นแผลฉกรรจ์เลือดท่วมจากการถูกยิงด้วยลูกดอก
“อีคำแก้ว !! อีห่าเอ้ย..มึงเฮ็ดลูกกู..ถึงเวลากูเอาคืนได้เมื่อได๋ กูสิเอาคืนมึงคนแรก”