รีเซต

บทละครโทรทัศน์ พลับพลึงสีชมพู ตอนที่ 5 หน้า 2

บทละครโทรทัศน์ พลับพลึงสีชมพู ตอนที่ 5 หน้า 2
26 พฤศจิกายน 2558 ( 10:34 )
2.1M
พลับพลึงสีชมพู ตอนที่ 5
16 หน้า

“คนที่ชั้นยืมนามสกุลเขามาใช้น่ะ”

“หมายความว่ายังไงคะขอยืม .. เขาให้ ? หรือว่าเขาเป็นต้นตระกูลคุณวิศรุต”

“จะเป็นได้ยังไง ในเมื่อชั้นไม่รู้จักเขาเลย” 

สโรชาเพ่งดูตัวหนังสือที่สลักไว้ ชาตะ ม.ค. 2442 มตะ พ.ย. 2503

 

ลานตากผ้า ธารายกตะกร้าผ้าที่ซักเสร็จแล้วออกมา มองเหลียวชะเง้อหาพลับพลึง ตะโกนเรียก “พลับพลึง! ไปไหนเนี่ย?.. กดเครื่องซักผ้าแล้วไม่มารับผิดชอบต่อ”  สุทิศเดินมา ธารานึกว่าพลับพลึง “มาพอดี มาตากผ้าเลย จัดการซะ หน้าที่นะจ๊ะ อย่าหลบ”

“ตกลงตอนนี้หน้าที่ซักผ้าเป็นของพลับพลึงแล้วเหรอ”

ธาราเพิ่งหันไปเห็นว่าเป็นสุทิศ “อ้าว ..สุทิศ ! ..  ของแบบนี้ก็ต้องช่วยกันสิ”

“ช่วยอะไร  เห็นกวาดใบไม้ในสวนก็พลับพลึง กวาดถูห้องพักแขกก็พลับพลึง รดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน ก็พลับพลึง  .. อ้อ.. ซักผ้าก็พลับพลึง”

“แหม เมื่อก่อนชั้นทำคนเดียว ไม่เห็นมีใครสังเกตทุกเม็ดอย่างนี้เลย” ธาราหงุดหงิด กระแทกกระทั้นหยิบผ้ามาขึ้นราว

“ก็นั่นมันเมื่อก่อน ใครเขาจะสังเกต” สุทิศโดดขึ้นนั่งม้านั่งแถวนั้น หยิบไม้แขวนเสื้อส่งให้ ธาราหน้าง้ำใส่ “โอ๋ โอ๋ อย่าใจน้อยสิ ก็พวกเราอยู่ด้วยกันก็แบ่งหน้าที่กันไง นายไม่ได้ไปทำงานนอกบ้าน ก็ทำงานในบ้านกับดูแลแขกโฮมสเตย์ไป ที่เรือนผัก คุณวิศรุตเขาก็มีไอ้ริดกับไอ้จ้อน บางทีก็เห็นพลับพลึงไปช่วยเหย็งๆ ถ้าธาราโละงานบ้านงานครัวให้เขาซะหมด มันจะไม่ดี”

“แกคิดว่างานบ้านนี่มันเบานักใช่มั้ย ที่ชั้นจะแบกทำอยู่คนเดียว บริการคุณผู้ชายสามคนน่ะ”

“ถ้าหนักเกิน งั้นก็บอกคุณวิศรุต เขาจะได้หาคนอื่นมาแทน เผลอๆ ให้พลับพลึงเป็นหัวหน้าแม่บ้าน ส่วนนายก็นั่งๆนอนๆ ไป ดีมั้ย พักผ่อน”

“เรื่องอะไร ?! .. ชั้นไม่ยอมให้ใครมายึดพื้นที่บ้านนี้ไปจากชั้นหรอก”

“งั้นก็ทำไป .. อย่าบ่น หน้าที่ใครหน้าที่มัน โอเคมั้ย? ..ชั้นไปทำงานของชั้นละ” สุทิศโยนผ้าให้ธารา ทำหน้าทะเล้นใส่ แล้วเดินออกไปทางรั้วด้านหลัง 

 

สโรชาเดินตามวิศรุตมาด้านหลัง หันไปมองสถูปแล้วยังสงสัย พยายามจำชื่อที่อ่านมากระท่อนกระแท่น “พระองค์เจ้ามรุพงษ์ประพันธ์อะไรในสถูปเจดีย์นั่นน่ะ คุณบอกว่าไม่รู้จักเขา แล้วคุณไปของยืมนามสกุลเขามาใช้ได้ยังไงคะ ดูตัวเลขปีพ.ศ.ที่เขาตาย ..มันน่าจะก่อนคุณเกิดอีกนะ”

“เธอนี่ช่างสังเกตนะพลับพลึง ..ความจริงชั้นแค่ยืมคำในชื่อของเขามาตั้งเป็นนามสกุลเท่านั้นเอง  …เมื่อก่อนชั้นมีนามสกุลเป็นฝรั่งตามพ่อบุญธรรม พอย้ายมาอยู่เมืองไทยก็อยากมีนามสกุลไทย.. พอดีชั้นมาไหว้พระที่วัดนี้เห็นว่าชื่อท่านเพราะดี ก็เลยเอามาตั้งนามสกุล”  


16 หน้า