บทละครโทรทัศน์ ปดิวรัดา ตอนที่ 6 หน้า 5
โถงเรือนใหญ่ ศรัณย์ ริน ดวงสวาท อรุณฤกษ์ ทั้งหมดนั่งทานอาหารเช้า เสนอกับสายดูแล
ดวงสวาทเกริ่น “ดิฉันจะขออนุญาตคุณรินกับศรัณย์ วันนี้คงกลับพระนครไม่ได้”
สายสะดุ้งพึมพำออกมาเสียงดัง “เอาแล้วเอาหล่า อยู่ชั่วนาตาปี ชั่วนิจนิรันดร” ทุกคนหันมามองสาย สายงง นึกว่าคิดเฉยๆ สายตกใจ “เอ้า พูดออกไปแล้วหรือ ขอโทษเจ้าค่ะ”
เสนอหน้าเครียดไป เช่นเดียวกับริน
ดวงสวาทรีบอ้าง “ดิฉันอยากอยู่คิดอะไรสักพัก คุณอรุณฤกษ์กลับเมื่อไหร่ ก็จะกลับด้วย ไม่เกินอาทิตย์หรอก ใช่ไหมคะคุณอรุณ” อรุณฤกษ์อึ้งๆ งงๆ แล้วพยักหน้า สายกับเสนอ ถอนใจออกมาพร้อมกัน ก่อนจะสะดุ้งมองหน้ากัน ว่าพร้อมกันเกินไปป่ะ ดวงสวาทรวบรัด “ขอบคุณนะคะ คุณริน คุณศรัณย์”
“ขอโทษนะครับ ทราบมาว่า คุณมีปัญหากับชีวิตแต่งงาน มันยังไงหรือครับ” อรุณฤกษ์ซัก
ดวงสวาทมองหน้ารินกับศรัณย์ สีหน้าแฝงความเศร้า “พวกคุณไม่ได้รู้จักกันมาก่อน คุณทั้งสองแต่งงานกันด้วยหน้าที่เหมือนฉัน ฉันกับสามีก็แต่งงานกันด้วยหน้าที่ งานพิธีพวกนั้น หน้าที่พวกนั้น จะผูกพันชีวิตคู่ของเราได้นานแค่ไหนคะ”
ศรันย์ย้อน“ถามทำไม”
“เวลานี้ ฉันไม่อยากเห็นหน้าสามีฉันเลย อยากจะหนีไปให้ไกลแสนไกลจากชีวิตคู่”
รินสงสัย “หนีตลอดไปแบบนั้นหรือคะ หนีจากคำสั่งของพ่อแม่ หนีจากสังคมที่รับรู้แล้วว่าคุณทั้งสองแต่งงานกัน จะหนีได้จริงหรือคะ”
“คำถามของคุณ คือสิ่งที่ฉันถามตัวเองจนนอนไม่หลับมาหลายคืน ถ้าฉันทำตามใจพ่อแม่และสังคม แล้วชีวิตที่ไม่มีความสุขของฉันล่ะคะ ใครจะรับผิดชอบ”
“หน้าที่และอารมณ์สินะ” รินนึกถึงคำที่เจ้าคุณบำรุงเคยสอน “คนยุคเราอยู่ด้วยหน้าที่ ไม่ได้อยู่ด้วยอารมณ์ ชีวิตที่นำด้วยอารมณ์ อารมณ์จะพาไปขึ้นสวรรค์ พาไปลงนรก เป็นไปได้ทั้งสองทาง แต่ชีวิตที่นำด้วยหน้าที่ หน้าที่ความรับผิดชอบ จะพาไปทิศทางเดียว...คือพาไปสู่สิ่งที่ดีงาม”
อรุณฤกษ์เห็นด้วย สีหน้ามุ่งมั่น “คุณดวงเลือกแล้ว เลือกที่จะมีความสุข เรามีชีวิตเดียว เกิดหนเดียวตายหนเดียว ผมว่าเราเลือกความสุขดีกว่านะ”
“คุณอรุณเลือกแล้วเหมือนกัน แล้วคุณศรัณย์กับคุณบราลี เลือกอะไรคะ หน้าที่ที่แสนจะน่าเบื่อและทุกข์ทรมาน กับความสุข ความสุขที่เราอาจจะมีได้แค่ครั้งเดียวในชีวิต”
ศรัณย์กับรินอึ้งมองหน้ากัน ตอบไม่ถูก หน้าตาอึดอัด
สายตบเข่าฉาดจนเสนอสะดุ้ง สายเสียงเบา ”เอาแล้วเอาหล่า น่าคิดจริงๆ” เสนอค้อนสายทำไมอารมณ์ท่วมท้นนักก็ไม่รู้
ศรัณย์กับริน อรุณฤกษ์กับดวงสวาท ทั้งสี่คน คิดหนัก