บทละครโทรทัศน์ ปดิวรัดา ตอนที่ 7 หน้า 5
โชติดีใจ “อืม ต่อไปนี้ ชาวบ้านจะได้หันมาเป็นหูเป็นตา คอยส่งข่าวเสือขาวให้เรา ไม่ใช่ทำเป็นเอาหูไปนา เอาตาไปไร่เหมือนเมื่อก่อน”
ศรัณย์พยักหน้า มุ่งหมายปราบโจร
บ้านปลัด รินนั่งซักผ้ากับพื้น ใช้ไม้ตีทะมัดทะแมง เป็นคนใช้แน่แท้
ดวงสวาทเดินมากอดอกมองด้วยความทึ่ง “คุณเป็นลูกสาวท่านเจ้าคุณ เจ้าคุณบ้านไหนสอนลูกให้ซักผ้า”
รินสะดุ้งรีบลุกขึ้น กลัวความลับแตก “เอ้อ ก็เผื่อเอาไว้สอนคนใช้ไงคะ” รินตะโกนเรียกหา “นายเสริม มาทำต่อด้วยนะ ฉันทำให้ดูแค่นี้นะ”รินพยายามวางท่าใหม่รักษาชื่อเสียงลูกสาวเจ้าคุณไว้
ดวงสวาทเดินไปดูผ้าที่ตากไว้ จับเสื้อศรัณย์ที่ตากไว้เรียงรายยังไม่ได้เก็บ “เสื้อยืดตัวนี้ ฉันเป็นคนซื้อให้ศรัณย์”
“คะ?”
“ที่จริงก็ทุกตัวนั่นแหล่ะ ศรัณย์เป็นคนไม่สนใจอะไรเลย มีอะไรก็ใส่อย่างนั้น ฉันเป็นคนเลือกให้เขาว่าควรใส่เสื้อยืด ยี่ห้อไหน กางเกงต้องไปตัดที่ไหน พอวันหยุดเราก็ไปหาซื้อผ้าไปที่ร้านด้วยกัน”
รินพยักหน้ารับรู้ ในใจแห้งเหี่ยว ดวงสวาทย่ามใจ ยิ้มร้ายมากขึ้นทีละนิด
รินเดินมาเข้าครัว หยิบผักมา ฉีกรวดเร็ว ดวงสวาทเดินตามมาอีก รินเลยเก็บอาการ หันไปบอก “อันนี้ก็ทำเป็นตัวอย่างให้แม่สายเหมือนกันจ้ะ” รินหยุดทำ วางท่าใหม่
“เห็นว่า เขาติดใจน้ำพริกลงเรือของคุณ เล่นเอาดิฉันอยากชิมเลย”
“พื้นๆค่ะ ไม่ได้อร่อยอะไรขนาดนั้น”
“เมื่อก่อนรัณ กินแต่ไข่ดาว ไข่เจียว พอเริ่มสนิทกัน ฉันก็สอนให้เขาทานผัก ทานน้ำพริก ฉันขู่ว่าฉันจะไม่นั่งกินไข่ไปตลอดชีวิตนะ เขาก็เลยยอม” รินอึ้งไปอีก สะเทือนใจอยู่จริงๆ ที่เขาสนิทกันมากขนาดนี้ “คุณอรุณ ท่าทางเป็นคนสนุกสนานนะคะ ฉันชอบอัธยาศัยเธอ ดูจริงใจอยู่ด้วยแล้ว คงมีความสุข คุณอรุณเป็นอย่างนั้นใช่ไหมคะ”
“แล้วสามีที่คุณแต่งงานด้วยล่ะคะ เป็นคนยังไง”
ดวงสวาทอึ้งเพราะรินอีกแล้ว งงมากว่ารินเป็นใครกันแน่ ถามสวนขึ้นมาทำไม “ถามทำไม”
“เราคุยกันเรื่องนิสัยใจคอของคนอยู่ไม่ใช่หรือคะ”
“ดิฉันเริ่มแน่ใจแล้ว ว่าคุณไม่ได้เรียบง่ายใสซื่อ เหมือนชุดจืดๆที่คุณใส่”
“ดิฉันก็คิดมาทั้งคืนเหมือนกัน ว่าคุณเป็นคนยังไงกันแน่”
“ฉันกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว เพราะรักศรัณย์!”
“จริงค่ะ คุณดูเศร้า ดูมีเหตุผลที่จะกลับมาหาศรัณย์ จนบางครั้งฉันสงสารคุณจับใจ แต่ที่น่าเสียใจคือคุณไม่มีดิฉัน ไม่มีพ่อแม่ดิฉัน พ่อแม่คุณศรัณย์ อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย”
“นี่สินะ ตัวจริงของคุณ คุณไม่ได้อ่อนแอหลบอยู่หลังราวตากผ้า คุณเป็นคนฉลาด มีสติปัญญาพอตัวทีเดียว”