บทละครโทรทัศน์ หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 25 หน้า 2
กำแพงเมือง ไฟไหม้ฐานกำแพงหนักขึ้นเรื่อยๆ เปลวไฟสีแดงฉานแผ่กระจายอย่างรวดเร็ว
มุมหนึ่งในวัง ขุนรักษ์เทวาเดินนำขันทองมา พอมาถึงก็เห็นหลวงศรีมะโนราชนั่งกินเหล้าจนเมา หัวพิงเสา
ครึ่งหลับครึ่งตื่น ขุนรักษ์เทวาระอาสุดๆ “นี่ล่ะเจ้าค่ะ เมาจนพูดไม่รู้เรื่อง ดีฉันไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว”
หลวงศรีมะโนราชเมามาก “เฮ้ย ได้ยินนาโว้ย ใครว่าข้าเมาวะ ข้าไม่เมาโว้ย”
ขันทองส่ายหน้าอ่อนใจ “กินสุรายาเมาในเขตพระราชฐานแม้จะผิดกฎ แต่เพลานี้ทุกคนล้วนตึงเครียดยิ่ง อย่าไปโทษคุณหลวงเลย วานท่านขุนให้คนมาพาคุณหลวงกลับเรือนก็แล้วกัน”
ขุนรักษ์เทวาเซ็งๆ “เจ้าค่ะ” ขันทองเดินเลี่ยงไป ในขณะที่ขุนรักษ์เทวาเดินเข้าไปหาหลวงศรีมะโนราชอย่างเซ็งๆ
ไฟไหม้ฐานกำแพง จนฐานกำแพงเริ่มมีรอยร้าวเกิดขึ้น จากความร้อนทำให้อิฐที่ทำกำแพงเริ่มปริแตก เปลวไฟลุกรุนแรง รอยร้าวขยายมากขึ้นเรื่อยๆ จนไปทั่วฐานกำแพง
กำแพงเมืองอยุธยาส่วนหนึ่ง พังลงมาจนเป็นช่องขนาดพอสมควร เป็นผลมาจากการเผาฐานรากกำแพง จนอิฐปริแตก ทำให้กำแพงส่วนหนึ่งทรุดพังลง เนเมียวสีบดีตะโกนลั่น “บุก”
ทหารอังวะโห่ร้องเสียงดังกึกก้องปานฟ้าจะถล่ม ก่อนวิ่งกรูกันเข้าไปในช่องกำแพงที่พังลง ทหารอังวะที่กรูเข้ามา ตรงเข้าสู้กับทหารไทยที่เข้ามาปกป้องทันที แต่ทหารไทยสู้ไม่ได้ ถูกทหารอังวะฆ่าตายเป็นใบไม้ร่วง ทหารอังวะบางส่วนเริ่มบุกเข้าไปปล้น ฆ่าชาวเมือง พวกชาวเมืองกรีดร้อง หนีตายด้วยความหวาดกลัว แต่ที่หนีไม่ทันก็ถูกฆ่าตาย คนแล้วคนเล่าอย่างน่าสะพรึงกลัว ทหารอังวะบางคน เริ่มเผาบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆเพื่อสร้างความวุ่นวายให้หนักขึ้นอีก
“เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ของคืนวันที่ 7 เมษายน พุทธศักราช 2310 กำแพงเมืองกรุงศรีอยุธยาด้านหัวรอ ได้พัง ทลายลง กองทัพของอังวะได้บุกเข้ามาทางด้านนั้น และเริ่มต้นการทำลายล้างกรุงศรีอยุธยาทันที และถือเป็นการสิ้นสุดการเป็นราชธานีของกรุงศรีอยุธยา ที่ยืนยาวมากว่า 417 ปี อีกด้วย”
แสงจากไฟไหม้ลุกโชนไปทั่วกรุงศรีอยุธยา ดูหดหู่และน่าสะพรึงกลัว
ในห้องนอนกรมขุนวิมล แมงเม่า และ เป้ากำลังดูแลกรมขุนวิมลที่นอนหลับอยู่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังลั่นไปทั่ว ประกอบกับเสียงปืน เสียงดาบปะทะกันดังแว่วมาไม่ขาดสาย จนแมงเม่าและเป้าตกใจ กรมขุนวิมลที่หลับอยู่ก็สะดุ้งตื่นขึ้น ตกใจมาก “เสียงกระไรกัน ออกไปดูซิ”
เป้ารีบลุกขึ้นไปเปิดประตูห้อง พอเปิดออก ก็เห็นพวกข้าหลวงวิ่งหนีตาย กรีดร้องกันวุ่นวายไปหมด เป้ารีบจับแขนข้าหลวงคนหนึ่งไว้ “เกิดกระไรขึ้น”