บทละครโทรทัศน์ หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 15 หน้า 4
ท่าน้ำบ้านแมงเม่า ม่วงกับอินวิ่งหนีมาถึงท่าน้ำ เพื่อจะใช้เรือในการหลบหนี อินห่วงแผลที่ถูกฟันของม่วง
“พี่ม่วง แผลพี่ยังมีเลือดซึมอยู่เลย ทำแผลก่อนเถิดจ้ะ”
ม่วงเครียดหนัก “ไม่ทันแล้ว เจ้าแมงเม่าคงถ่วงเวลาได้พักหนึ่งเท่านั้น ถ้าจะหนี ก็ต้องตอนนี้”
ม่วงแก้เชือกผูกเรือออก อินรีบลงเรือตามไปด้วยทันที ม่วงตกใจ “ทำกระไร รีบกลับไปที่เรือนเถิด”
อินตัดสินใจเด็ดเดี่ยว “ฉันไม่ไป ฉันจะไปกับพี่”
“ข้าจะไปที่ใดยังไม่รู้เลย แลข้าหนีอาญาบ้านเมือง มีแต่จะร้ายมากกว่าดี เอ็งจะไปตกระกำลำบากกับข้าทำไม”
“อย่าว่าแต่ตกระกำลำบากเลย ต่อให้ไปตาย ฉันก็จะตายพร้อมพี่ อย่างมากเราก็ตายด้วยกัน แต่ฉันจะไม่ยอมให้พี่หนีไปคนเดียวเป็นอันขาด” ม่วงอึ้งๆไป คิดไม่ถึง ว่าอินจะรักตนมากขนาดนี้ เพราะเข้าใจมาตลอดว่าอินรังเกียจ จึงไม่ยอมมีความสัมพันธ์ด้วย
“เร็วเข้าเถิด เราต้องรีบหนีตอนนี้ไม่ใช่รึ” ม่วงตั้งสติได้ก็ลงเรือ แล้วรีบช่วยกันพายหนีไปทันที
บนเรือนแมงเม่า กลักรูปผีเสื้อในมือของจมื่นศรีสรรักษ์ จมื่นศรีสรรักษ์กำลังดูกลักในมือด้วยความตื่นเต้น โดยมีคนอื่นๆคอยลุ้นไปด้วย จมื่นศรีสรรักษ์ดีใจมาก “ใช่แล้ว สัญลักษณ์นี้ไม่ผิดแน่ ในที่สุดเราก็ได้คืนมาแล้ว”
แผลงฤทธิ์ดีใจมาก “รีบเปิดออกดูเร็ว คุณพระนาย”
จมื่นศรีสรรักษ์รีบเปิดกลักออก เห็นภายในมีม้วนกระดาษเล็กๆอยู่ จึงรีบเอาออกมาคลี่ออกดู ขุนแผลงฤทธิ์รีบเข้าไปดูด้วยทันที ขุนแผลงฤทธิ์ตื่นเต้น “กลบทพิสดารนัก ไม่ผิดแน่แล้ว” ขุนแผลงฤทธิ์คิดถึงสุ่นขึ้นมา
“อีสุ่น มึงกล้าหลอกกู ถ้ามึงไม่ตายเสียก่อน กูฆ่ามึงทิ้งแน่”
จมื่นศรีสรรักษ์ดีใจ รีบม้วนกระดาษเก็บลงในกลักตามเดิมทันที กล้าตื่นเต้น
“เมื่อได้ของแล้ว ก็ขอนังแมงเม่าให้กระผมเป็นบำเหน็จเถิดขอรับ” กล้าตรงเข้าไปฉุดแขนแมงเม่าทันที
แมงเม่าดิ้นสุดฤทธิ์ “อ้ายกล้า มึงปล่อยกู บอกให้ปล่อย”
มิ่งห่วงลูกสุดๆ “ถ้ามึงทำกระไรลูกกู มึงไม่ตายดีแน่อ้ายกล้า”
กล้าหัวเราะสะใจ “ห่วงตัวเองก่อนเถิดวะ อ้าย...”
ขุนแผลงฤทธิ์ออกคำสั่งเสียงดังสวนขึ้น “เฮ้ย พวกเอ็งจงเผาเรือนนี้ให้วอดประเดี๋ยวนี้ ให้สมกับโทษานุโทษที่พวกมันช่วยคนหนีอาญาบ้านเมือง” ทุกคนพากันตกใจกับคำสั่งของขุนแผลงฤทธิ์ ไม่เว้นแต่จมื่นศรีสรรักษ์ที่เป็นพวกเดียวกัน แมงเม่าโมโหมาก “อ้ายคนอสัตย์ ข้ายอมให้กลักแก่เอ็งแล้ว เหตุใดยังทำร้ายกันอีก”
ขุนแผลงฤทธิ์ยิ้มร้ายๆ “แล้วข้าไปสัญญากับเอ็งแต่เมื่อใดอีโง่” ขุนแผลงฤทธิ์หันไปสั่งลูกน้อง “เผาซีวะรอกระไร”