บทละครโทรทัศน์ หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 24 หน้า 4
ของคนทุกคน ฉันก็เอาแต่คิดว่าไม่ใช่สิ่งที่ฝ่ายในแลผู้หญิงอย่างเราควรข้องเกี่ยว มาบัดนี้ฉันจึงรู้ว่า ความเจ็บช้ำน้ำใจ สิ้นศักดิ์ศรีจนต้องตกเป็นทาสเค้า มันเป็นเช่นใด” เป้าสะอึกสะอื้น เสียใจเจ็บใจสุดๆ
แมงเม่าดึงเป้าเข้ามากอดปลอบโยน “อดทนไว้แม่เป้า วันนี้เราแพ้ เราก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ ขอเพียงแม่ไม่ลืมความเสียใจในครั้งนี้”
เป้าร้องไห้ “หากฉันย้อนกลับไปได้ ฉันจะไม่ทำอย่างที่แล้วมาเลย จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดอย่างนี้”
กรมขุนวิมล เจ้าจอมอำพัน คุณท้าวโสภา ได้ยินที่เป้าพูดต่างร้องไห้หนักกว่าเดิม เพราะทุกคนก็คิดเหมือนกัน ปล่อยเรื่องไป เพราะถือว่าไม่ใช่ธุระของตน จนต้องกลายมาเป็นเมืองขึ้นเค้าแบบนี้ แมงเม่ากอดเพื่อนไว้ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย เพราะคาดการณ์ได้ว่าเหตุการณ์อย่างนี้ต้องเกิดขึ้นเลยไม่เสียใจมาก แต่ก็สงสารเพื่อนจับใจ
มุมหนึ่งในวัง ทหารแต่ละคน นั่งหมดอาลัยตายอยาก พอรู้ว่าต้องตกเป็นเมืองขึ้น ก็เศร้าใจหมดกำลังใจจะทำงานกันเป็นแถว ท่านเจ้าคุณกำแหงกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น เจ็บใจสุดๆ โดยมีขันทอง หลวงศรีมะโนราช และขุนรักษ์เทวา ยืนดูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หลวงศรีมะโนราชถอนใจ
“อย่าเสียใจไปเลยเจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ นึกเสียว่ารักษาชีวิตคนไว้ จะได้ไม่มีใครต้องมาตายเพราะศึกนี้อีก”
ขุนรักษ์เทวาตกใจ ตบอกผาง “หูฝาด หรือเป็นคุณหลวงศรีมะโนราชตัวปลอม หรือกินกระไรผิดสำแดงมากันแน่” กหลวงศรีมะโนราชหน้าหงิกงอ เมินหน้าไปทางอื่น ไม่พูดด้วย
“ที่คุณหลวงพูดก็ถูกนะเจ้าคะ อโยธยาถูกล้อมมาเกินปี แลอังวะตั้งค่ายในระยะปืนใหญ่ ยิงถล่มทั้งวันแลคืน ไม่มีปาฏิหาริย์ใด ทำให้เราพ้นจากความพ่ายแพ้ไปได้ สู้ยอมแพ้เสีย ยังรักษาชีวิตคนได้อีกมาก”
ท่านเจ้าคุณกำแหงร้องไห้ ขบกรามแน่นด้วยความแค้นใจ “ฉันรู้ แต่ฉันแค้นใจแลอับอาย จนอยากจะตายไปเสียประเดี๋ยวนี้ ก่อนหน้าฉันนึกตำหนิท่านเจ้าคุณตากที่หนีศึก แต่มาบัดนี้ ฉันอยากจะหนีไปด้วยเสียจริง จะได้ไม่ต้องทนอับอายเป็นเมืองขึ้นเมืองออกเค้า”
ท่านเจ้าคุณกำแหงทรุดลงนั่ง ร้องไห้เหมือนคนหมดแรง ไม่เหลือความหวังอะไรแล้ว ขันทองมองด้วยความสงสารจับใจ ตนก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน แม้จะทำใจมานานแล้วก็ตาม
ภายในกรุงศรีอยุธยา ศพคนตายนอนเกลื่อนอยู่บนพื้นดูน่าสะพรึงกลัว พวกชาวบ้านช่วยกันยกศพขึ้นใส่เปลแล้วหามกันไปตามมีตามเกิด ระหว่างทางที่หามไป เห็นชาวบ้านแต่ละคน บางคนก็ท้อแท้สิ้นหวัง บางคนก็ร้องไห้ตีอกชกตัวด้วยความเจ็บแค้นที่ต้องตกเป็นเมืองขึ้น ฯลฯ สภาพบ้านเมืองระหว่างทาง เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ทรุดโทรม วัดวาอารามก็พังไม่มีเหลือ คนนอนกลางดินกินกลางทราย แม้แต่บ้านยังไม่มีให้ซุกหัวนอน ศพถูกหามมากองรวมกับศพอื่นอีกจำนวนมาก ทิ้งไว้ให้แร้งกาจิกกิน เพราะคนตายมีมากจนกลบฝังหรือ