บทละครโทรทัศน์ หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 23 หน้า 5

พระยาตากมองหน้าทุกคนช้าๆ ก่อนจะตัดสินใจพูด “ที่ฉันเรียกทุกคนมาพร้อมกันในคืนนี้ เพราะฉันมีเรื่องสำคัญจะบอก บัดนี้ฉันมั่นใจแล้วว่าอโยธยาจะเสียแก่ข้าศึกเป็นแน่แท้”
ขาดคำ ก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในหมู่ทหารและชาวบ้านทันที มีเพียงม่วง เยื้อน พันหาญ หลวงพิชัย เท่านั้นที่หน้านิ่งๆไม่ตกใจ พระยาตากพูดเสียงดังขึ้น “แต่ฉัน จะไม่ยอมก้มหัวให้พวกอังวะเป็นอันขาด คืนนี้ฉันจะพาทุกคนฝ่าวงล้อมของอังวะออกไป เพื่อไปตั้งหลักที่หัวเมืองตะวันออก แล้วรวบรวมผู้คนกลับมากู้อโยธาคืนมา”
สีหน้าพระยาตากมุ่งมั่นจริงจัง
ค่ายเนเมียวสีหบดี เนเมียวสีหบดีเดินเข้ามาหาทหารโดยพวกทหารยืนเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่หน้าปืนใหญ่ เตรียมยิงปืนใหญ่ รอแต่คำสั่งของเนเมียวสีหบดีเท่านั้น เนเมียวสีหบดีหยุดยืนหน้าปืนใหญ่ ทหารยื่นคบไฟให้เนเมียวสีหบดี เนเมียวสีหบดีจ่อคบไฟเข้ากับสายชนวนปืนใหญ่ ไม่นานนัก ปืนใหญ่กระบอกนั้นก็ส่งเสียงดังลั่น พร้อมกับกระสุนปืนใหญ่ลูกแรก ยิงออกไปทันที
ค่ายพระยาตาก พวกทหาร และชาวบ้านยังโต้เถียงกันไม่จบมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับพระยาตาก ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังลั่นขึ้น ก่อนที่จะได้ยินเสียงปืนใหญ่ตามมารัวๆ หลวงพิชัยพูดเสียงดัง
“อังวะเปิดฉากยิงปืนใหญ่แล้ว การป้องกันย่อมไม่เข้มแข็งเหมือนก่อน เป็นโอกาสดี ที่เราจะตีฝ่าออกไป”
ม่วงพูดเสียงดัง “พวกเราจะไปกันในคืนนี้ ผู้ใดจะติดตามท่านเจ้าคุณก็ตามมา”
ทหารคนหนึ่งอึดอัดทนไม่ไหว ไม่พอใจมาก พูดออกมา “เสียแรง ที่กระผมสู้ตายเพื่อท่านเจ้าคุณ เพลาคับขัน
เช่นนี้ มาทิ้งกันไปได้อย่างไร”
ทหารอีกนายโมโห “หรือเอ็งจะต้องให้ตายวะ ก็เห็นอยู่ว่าสู้ไม่ได้ หนีไปตั้งหลักแล้วรอกลับมาเอาชัยไม่ดีกว่ารึ”
ทั้งทหาร ทั้งชาวบ้านแตกกันเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งอยากสู้ตาย อีกฝ่ายอยากหนีไปตั้งหลักเลยเถียงเรื่องนี้กันยกใหญ่ เยื้อนเบะปากรำคาญ พูดกับตัวเองเบาๆ “จนป่านฉะนี้ ยังจะโต้เถียงกันอีก ควรแล้ว ที่ต้องเสียเมืองให้กับอังวะ” เยื้อนเดินหนีไป รำคาญคนทะเลาะกัน
ค่ายเนเมียวสีหบดี ทหารอังวะยังยิงปืนใหญ่ไม่ยอมหยุด ถล่มเข้าไปตลอดเวลา เนเมียวสีหบดีพูดเสียงดังลั่น
“ยิงเข้าไป กระสุนแลดินปืนเรามีมากนัก ยิงถึงหนึ่งปีก็ไม่หมด จงถล่มอโยธยาให้ราบเป็นหน้ากลอง”
ค่ายพระยาตาก พระยาตากเห็นทหาร ชาวบ้านเถียงกันไม่ยอมหยุด เสียงปืนใหญ่ก็ดังขึ้นเรื่อยๆ
พระยาตากพูดเสียงดังขึ้น “หยุดโต้เถียงกันได้แล้ว” พวกทหาร ชาวบ้านต่างหยุดเถียง หันไปฟังพระยาตาก