บทละครโทรทัศน์ เจ้าบ้านเจ้าเรือน ตอนที่ 23 หน้า 3
นางมะลิกับบ่าวกำลังช่วยกันเก็บกวาด มาลาตีหันมาพูดกับไรวินท์ “น้องไม่อยู่พระนคร แล้วนะคะ พี่วิน น่ากลัวออกจะตาย โอ๊ย น้องกลัวเสียงหวอจริงๆ” มาลาตีเข้าไปกอดไรวินท์แน่น
ไรวินท์ทำหน้าหนักใจ “ถ้าพี่ไปแล้วคุณแม่พี่กับ..พวกบริวารล่ะ”
“โอ๊ย..ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ คุณแม่พี่ท่านออกใจแข็ง อยู่มาได้ท่ามกลางสงครามแบบนี้ตั้งนานสองนาน”
“ท่านอยู่เป็นเพื่อนพี่ต่างหาก...ก็พี่ต้องไปกระทรวงทุกวันนี่”
มาลาตีถอนใจเบาๆ “ไม่รู้ล่ะ ขืนอยู่แบบนี้บอมบ์จะลงเรือนเราเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ นะคะคุณพี่ เราไปอยู่แถวนนทบุรีก็ได้”
“ขอพี่ดูลู่ทางสักนิดเถอะนะ มาลาตี”
มาลาตีเข้ามาออดอ้อน ก่อนจะใช้มือลูบไล้ไรวินท์ไปมา “อย่าดูนานนักนะคะ...”
ไรวินท์ฟังด้วยความกังวล
เช้าวันใหม่ บรรยากาศแจ่มใส รถของไรวินท์แล่นเข้ามาจอด ไรวินท์ลงมา ยืนมองบ้านด้วยความเป็นห่วง พอเห็นทุกอย่างเรียบร้อยก็โล่งใจ แต่พอจะเดินออกไปก็ชะงัก ก้มลงมา เห็นยัยหนูมาเกาะขา ไรวินท์มองลูก แล้วยิ้มแย้ม ก้มลงอุ้มลูกขึ้นมา
“คุณพ่อมาแล้ว” ยัยหนูยิ้มประจบ
“ยัยหนู...เป็นยังไงบ้างลูก”
“หนูคิดถึงคุณพ่อที่สุดเลย”
“พ่อก็คิดถึงหนูที่สุดจ้ะ ยัยหนูของพ่อ ไหนมาให้พ่อหอมให้ชื่นใจซิ” ไรวินท์หอมแก้มลูกด้วยความรัก ยัยหนูจั๊กจี้ หัวเราะชอบใจ
สีนวลที่เดินตามหายัยหนูมาเห็นภาพพ่อลูก ค่อยยิ้มออก “คุณพี่กลับมาแล้ว”
“แม่นวล ทำไมหล่อนถึงปล่อยลูกมาเดินเล่นแถวนี้ เกิดรถราวิ่งมาทับลูกขึ้นมาจะว่ายังไง”
“เอ่อ ขอประทานโทษเถอะคะ ฉันยุ่งจริงๆ มัวแต่ดูหม้อต้มหยูกยาของคุณแม่น่ะค่ะ”
“ยาของคุณแม่...นี่คุณแม่เป็นอะไรไปอีก สีนวล”
ไรวินท์ประคองวารีให้ดื่มยา วารีดูชื่นใจที่ลูกชายมาดูแล สีนวลจับมือลูกอยู่ มองไรวินท์ไม่วางตา บ่าว 2 คนก็มองไปยิ้มไป
“แค่ได้เห็นหน้าแบบนี้แม่ก็สบายใจแล้ว อดห่วงลูกวินไม่ได้ นี่รู้ไหม แม่สวดมนต์ขอให้คุณพระคุณเจ้าท่านช่วยคุ้มครองลูกของแม่ให้ปลอดภัยแคล้วคลาดทั้งคืนเลย”
ไรวินท์กราบที่ตักวารี “มิน่าผมถึงรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด ทีแท้ก็เพราะคุณแม่สวดมนต์ให้ผมนี่เอง ลูกกราบขอบพระคุณคุณแม่เป็นอย่างสูงครับ ผมนี่เป็นลูกชายที่แย่เหลือกำลังแม่ป่วยหนักอย่างนี้ แต่กลับเพิ่งจะรู้” เขาปรายตาไปทางสีนวล เคืองๆที่ไม่บอกตน
“อย่าไปตำหนิแม่นวลเค้าเลย แม่เองที่กำชับไม่ให้บอกลูกวิน...อ่อ ลูกวิน แม่นวล แม่ตัดสินใจแล้วนะ เราจะย้ายออกจากพระนครกัน เมื่อคืนแม่เห็นหลานร้องไห้แล้ว ใจคอไม่ดีเลย บ้านนี้คงโดนเข้าสักวัน”